"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน
สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า"
สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน
กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปพบกับแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งมิได้เป็นเพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้นแต่สถานที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาทางพระพุทธศาสนา รวมไปถึงเป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ สัตว์นานาชนิด
แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ใกล้บ้านผมมาก
มากขนาดเดินไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
และแหล่งเรียนรู้ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือ … คือ “พุทธมณฑล”
นั่นเองครับ ^^
ไม่รอช้า....เราไปทำความรู้จักสถานที่แห่งนี้กันเลยดีกว่าครับ
ประวัติและความเป็นมา
ในปี พ.ศ. 2495 จอมพล
ป.พิบูลสงคราม ได้ดำริจัดสร้างปูชนียสถานเพื่อเป็นพุทธบูชาและเป็นพุทธานุสรณียสถาน
เนื่องในวโรกาสมหามงคลกาลที่พระพุทธศักราชเวียนมาบรรจบครบรอบ 2,500 ปี
ซึ่งครบในวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ. 2500 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2498
รัฐบาลจึงได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไปทรงประกอบรัฐพิธีก่อฤกษ์พุทธมณฑล ณ บริเวณที่จะก่อสร้างพระพุทธรูปประธานพุทธมณฑล
ณ สถานที่ซึ่งต่อมาเป็น อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
(เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอนครชัยศรีและต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอพุทธมณฑลตามลำดับ)
การก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500
ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย แต่การจัดสร้างได้ชะลอตัวลงไประยะหนึ่งด้วยปัญหาด้านงบประมาณ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2521
รัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้รื้อฟื้นโครงการขึ้นและถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการก่อสร้างอีกครั้งหนึ่ง
และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนงานจัดสร้างพุทธมณฑลจากกระทรวงมหาดไทย
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการโดยกรมการศาสนาเป็นเจ้าของเรื่องใช้เงินงบประมาณของรัฐและการบริจาคของประชาชน
อีกทั้งการจัดสร้างพุทธมณฑลได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้งานก่อสร้างพุทธมณฑลได้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
ทำให้การก่อสร้างได้สำเร็จก้าวหน้าไปอย่างมาก
การก่อสร้างพุทธมณฑลได้ดำเนินการมาแล้วเสร็จสมบูรณ์ในสมัยที่พลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อสร้างองค์ "พระศรีศากยะทศพลญาณ
ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" สำเร็จ
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ
ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประกอบพิธีสมโภช เมื่อวันที่
21 ธันวาคม พ.ศ. 2525 และหลังจากนั้นก็ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมถาวรวัตถุต่าง ๆ
ในพุทธมณฑลมาโดยตลอดเช่น มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน และ หอประชุม เป็นต้น
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าด้านพระพุทธศาสนา
เพื่อเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป
เพื่อเป็นสำนักงานกลางการบริหารงานของคณะสงฆ์แห่งประเทศไทย
เพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ปัจจุบันพุทธมณฑล ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6ถนนอุทยาน ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ จุดเด่นของพุทธมณฑลคือ บริเวณจุดศูนย์กลางของพุทธมณฑลเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่
ทำด้วยโลหะสำริด มีความสูง 2,500 กระเบียด (ประมาณ 15.875
เมตร) ซึ่งเป็นพระประธานของพุทธมณฑล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามว่า
"พระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์"
เมื่อเรามองจากด้านนอกจะเห็นเด่นเป็นสง่ามากซึ่งถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นสถานที่แห่งนี้เลยก็ว่าได้
และนอกจากนี้บริเวณรอบประประธานยังมีสถานที่สำคัญทางบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอื่นๆอีกมากมาย
เช่น
"สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล" ซึ่งหาไม่ยากเพราะมีป้ายนำตลอดทุกเส้นทาง
“ตำบลประสูติ"
ประดิษฐานหินรูปดอกบัว ๗ ดอก แกะสลักหินเป็นรูปดอกบัวกำลังแย้มบาน
ช่วงบนแกะสลักลายนูนรูปพระพุทธบาท กลางฝ่าพระบาทสลักชื่อแคว้นต่างๆ ๗ แคว้น
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมคำสั่งสอน รวม ๗ แคว้นคือ กาสี-โกศล, มคธ-อังคะ, สักกะ วัชชี, มัลละ,
วังสะ, กุรุ
"ตำบลตรัสรู้"
ประดิษฐานหินรูปโพธิบัลลังก์ ช่วงบนแกะสลักนูนเป็นลายบัวคว่ำและบัวหงาย
มีรัศมีล้อมรอบช่วงล่าง
"ตำบลปฐมเทศนา"
ประดิษฐานหินเป็นรูปธรรมจักร และรูปแท่นที่นั่งของปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕
"ตำบลปรินิพพาน"
ประดิษฐานหินสัญลักษณ์ รูปแท่นไสยาสน์ ทุกตำบลมีพื้นที่ ๕๐ ไร่
อยู่ท่ามกลางสนามหญ้า สวนไม้ดอก ไม้ประดับที่งดงาม
มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
สถาปัตยกรรมไทยรูปทรงจตุรมุข
มีพระเจดีย์ ๙ ยอด ประดิษฐานในย่านกลาง และเป็นที่จารึกพระไตรปิฎกหินอ่อน ขนาด
๑.๑๐ x ๒.๐๐ เมตร จำนวน ๑,๔๑๘ แผ่น
มีภาพวาดพระพุทธประวัติอยู่ด้านบนโดยรอบ ทำให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้เกี่ยวกับพระไตรปิฎกซึ่งรวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
รวมถึงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าผ่านภาพวาด
หอสมุดแห่งพระพุทธศาสนา
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานนามว่า
"หอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ" ห้องสมุดนี้ใหญ่โตมาก
ห้องอ่านหนังสือจุถึง ๕๐๐ คน มีหนังสือประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ เล่ม
เก็บหนังสือบนเพดานได้อีก หนึ่งล้านเล่ม วัดปากน้ำและสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ
บริจาคเงินค่าก่อสร้าง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ
ที่เจริญพระชนมายุ ๕ รอบ
นอกจากนี้ยังมีศาสนสถานที่สำคัญอื่น
ๆ ได้แก่ พระวิหารพุทธมณฑล ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และที่พำนักสงฆ์อาคันตุกะ
หอประชุมทางกิจการพระพุทธศาสนา ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน พิพิธภัณฑ์ทางพุทธศาสนา สวนไม้ดอกไม้ประดับต่าง
ๆ และในปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนา อาทิ วันวิสาขบูชา
วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น
และนอกจากสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยความรู้
เรื่องราวความสำคัญทางพระพุทธศาสนาแล้ว
พื้นที่ทั้งหมดยังเต็มไปด้วยความสวยงามจากพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์
มีสัตว์น้อย ใหญ่ หลายชนิดมาเกาะอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น "สวนเวฬุวัน"
คือสวนไผ่ มีต้นไผ่ประมาณ ๑๐๐ ชนิด "สวนอัมพวัน"
คือสวนมะม่วงเช่นกัน มีมะม่วงพันธุ์ต่างๆ เกือบร้อยชนิด สวนธรรม
คือสวนกระถินณรงค์ สวนไทร
มีเนื้อที่น้อยกว่าสวนอื่นคือมี ๕ ไร่ แต่ก็สวยและร่มรื่น สวนลัฏฐิวัน คือ สวนตาล อยู่ตรงตำบล ปรินิพพาน สวนสมุนไพร มีสมุนไพรอยู่ประมาณ ๒๑๑ ชนิด
ได้จัดเป็นโครงการนำร่อง เพื่อส่งเสริมให้วัดทั่วประเทศปลูกสมุนไพรในวัด
มีที่จำหน่ายสมุนไพร เสียดายวันที่ไปยังไม่มีโอกาสไปชมและอุดหนุน
ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและสมดุลของระบบนิเวศ และยังเป็นสถานที่ ที่มีความร่มรื่น
เหมาะแก่การพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อยใจ......
ว่างๆก็เชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านพาครอบครัวมาเที่ยวพุทธมณฑลกันเยอะๆนะครับ
เพราะนอกจากจะได้พักผ่อน หย่อนใจแล้ว >>>
แถมยังได้รับความรู้มากมายเป็นของฝากกลับไปด้วยนะครับ ^_^
บูรณาการแหล่งการเรียนรู้กับการเรียนการสอนในชั้นเรียน
การเรียนรู้ในด้านความรู้
วิชาสังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม : คือการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา
เช่น สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาจากสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล เรียน
รู้คำสั่งสอนและพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าจากมหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
และความรู้ต่างๆทางพระพุทธศาสนา จากการอ่านหนังสือที่หอสมุดแห่งพระพุทธศาสนา
และยังมีความรู้ในด้าน ทำเล ที่ตั้ง ซึ่งมีความเหมาะสมตามสภาพภูมิศาสตร์
และยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องราวความเป็นมาของพุทธมณฑล
ซึ่งมีอายุยาวนานหลายยุคสมัย
วิชาวิทยาศาสตร์ : คือการได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ
พันธุ์ไม้ต่างๆหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น
ไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ไม้ที่มีสรรพคุณทางยารักษาโรค ซึ่งแต่ละต้นจะมีป้ายชื่อติดไว้ทุกต้นทำให้สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ
การเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง
รวมถึงได้ทราบสรรพคุณเฉพาะของต้นไม้แต่ละต้นด้วย
และนอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ความสมดุลและความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
วิชาศิลปะ : ต้นไม้ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ สถาปัตยกรรม รูปปั้น อาคารสถานที่ รวมถึง
ทัศนียภาพทิวทัศน์ต่างๆ ทั้งมุมมองจากภายใน และภายนอก สามารถเป็นแบบและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะ เช่น การวาดภาพ รวมถึง การถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี
การเรียนรู้ในด้านเจตคติ
ปลูกฝังให้เกิดความตระหนึกและเห็นความสำคัญทางพระพุทธศาสนา
การท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์เห็นคุณค่าของของสถานที่
โดยร่วมกันรักษาให้คงอยู่ต่อไป ไม่ทำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถานที่
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการปลูกจิตสำนึกที่ดีต่อการร่วมกันอนุรักษ์ทัศนียภาพความสมบูรณ์สวยงามของระบบนิเวศ
ทั้งพืชและสัตว์
การเรียนรู้ในกระบวนการต่างๆ
เกิดทักษะการเรียนรู้
และแสวงหาความรู้จากความรู้ในสถานที่แห่งนี้ทั้งทางพระพุทธศาสนาและระบบนิเวศ
เกิดทักษะการสังเกต คือ การสังเกตป้าย
หรือเพดานวิหาร ที่มีความรู้ต่างๆบอกไว้ เช่นป้ายที่ติดที่ต้นไม้ทุกต้นที่บอกชื่อและสรรพคุณของต้นนั้นๆ
เกิดทักษะการอยู่ร่วมกัน
คือการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
คือนักท่องเที่ยวด้วยกันที่อาจมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกัน
หรือนักท่องเที่ยวกับวิทยากรและการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
คือ
การไม่ทำลายระบบนิเวศที่สมดุลของสถานที่เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมาก
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ
สามารถเข้าถึงได้หลายเส้นทาง คือเดินทางไปตามถนนเพชรเกษมถึงประมาณกิโลเมตรที่ 22 เลี้ยวขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ประมาณ 8 กิโลเมตร
หรือเดินทางไปตามถนนสายปิ่นเกล้า-นครชัยศรี แล้วแยกเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ไปเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสมารถเดินทางโดยใช้ถนนพุมธมณฑลสาย 3แยกเข้าสู่ถนนอุทยาน(อักษะ)เพื่อมุ่งเข้าสู่พุทธมณฑลได้ ถนนอุทยาน(อักษะ)เป็นถนนที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแนวเสาไฟประดับรูปกินรี
น้ำพุและไม้ประดับต่างๆซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงาม
ที่มา: นาวี ยืนนาน
แหล่งอ้างอิง : พุทธมณฑล. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2555, จาก http://www.dhammathai.org/buddhamonthon/buddhamonthon.php