วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข้าวแกงออนไลน์ ทางเลือกแนวใหม่การค้าโลกไซเบอร์


"ข้าวแกงอย่างฉัน....ก็สามารถโดดเด่น....เป็นดาวบนโลกออนไลน์ได้เหมือนกัน!!!





ทุกวันนี้เทคโนโลยีสารสนเทศ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์  เช่น เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ รวมถึงทำให้สิ่งต่างๆง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีสารสนเทศยังมีส่วนในการพัฒนาในด้านต่างๆอีกมากมาย เช่น ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการแพทย์  ด้านการคมนาคมขนส่ง ด้านความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิต รวมไปถึงด้านธุรกิจและการค้าก็เช่นกัน เมื่อได้มีผู้คิดนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ในการส่งเสริมการค้าขายและเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้าในระดับปากท้องซึ่งถือได้ว่าอยู่ใกล้ตัวเรามาก เห็นกันอยู่ทุกวันจนเราคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียวนั่นคือ “การขายข้าวแกงออนไลน์”

ร้านข้าวแกงเขาพัฒนาไปขนาดนี้แล้วหรอ???!!

            ร้านข้าวแกงออนไลน์ที่ว่านี้เกิดจากแนวคิดของคุณเจษฎา เงางามดี หนุ่มรุ่นใหม่ที่สนใจและติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีมาโดยตลอด ซึ่งแต่เดิมคือ “ร้านข้าวแกงป้าเหลา”  ซึ่งเป็นคุณยายของภรรยาคุณเจษฎา แล้วสืบต่อมาถึงคุณแม่ภรรยาคุณเจษฎา ขายกันมานานกว่า 40 ปี เมื่อคุณเจษฎา เข้ามาเป็นลูกเขยของบ้านนี้ จึงพัฒนาไปอีกขั้นผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศโดยการจับข้าวแกงในร้านมาขายบนอินเทอร์เน็ต!!!!!โดยเขาได้เข้าร่วมโครงการโกออนไลน์ (Go online) ของกูเกิล(Google)และพันธมิตร เข้าไปหาค้นหาข้อมูล เข้าร่วมโครงการ ฝึกปรือฝีมือจนกระทั่งจดโดเมนเนมเปิดร้านข้าวแกงออนไลน์  www.mymommade.in.th ได้ในที่สุด  โดยเปิดบริการรับทำข้าวกล่อง อาหารสำหรับงานเลี้ยง งานสังสรรค์ งานประชุม สัมมนา และงานพิธีต่างๆผ่านเวปไซต์ ซึ่งจะบริการส่งถึงที่



หลังจากสร้างแบรนด์ได้ระดับหนึ่งบนเครือข่ายออนไลน์ ก็ได้ลูกค้ารายแรกคือ โรงเรียนมาแตร์เดอี ซึ่งสั่งข้าวกล่องไปรับประทานในงานประชุมของสมาคมผู้ปกครองนักเรียน หลังจากนั้นก็มีลูกค้ามาเรื่อย ๆ เป็นแบบปากต่อปาก ลูกค้าที่ได้จากเว็บไซต์จะเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทุกครั้งที่ลูกค้าติดต่อสั่งอาหารกล่องผ่านทางเว็บไซต์ ทางร้านจะเชิญให้มาชิมก่อนสั่ง โดยจะทำเมนูต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องการให้ชิมก่อนตัดสินใจเลือก  จนถึงขณะนี้ ร้านข้าวแกงป้าเหลามีลูกค้าออนไลน์ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นทำให้มียอดการสั่งซื้ออาหารกล่องเป็นประจำกันทุกวัน รายได้ของครอบครัวก็เพิ่มมากขึ้นตลอดจนกิจการของครอบครัวก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

                       http://www.youtube.com/watch?v=4eqtsgIkFBs

เหลือเชื่อกันไหมหล่ะครับ!! ใครจะคาดคิดว่าข้าวแกงที่เราเห็นอยู่ทุกวันที่ขายอยู่ทั่วไปใกล้ๆบ้านคุณ บัดนี้จะโกอินเตอร์ไปอยู่บนเวปไซต์ อยู่บนโลกสังคมออนไลน์ได้เช่นเดียวกับ ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ หรือแม้แต่สินค้าแบรนด์แนมที่มีราคาแพงๆ ซึ่งสะท้อนให้เราได้เห็นว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการด้านธุรกิจตั้งแต่ในระดับปากท้องซึ่งใกล้ตัวพวกเรามากอย่าง ข้าวแกง โดยอาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการแนะนำร้านให้คนบนโลกไซเบอร์ได้รู้จักกันร้านอย่างแพร่หลาย และเพิ่มความหลากหลายและความสะดวกสบายในการเลือกซื้อให้กับลูกค้า ทำให้ข้าวแกงธรรมดาๆจานหนึ่งมีมูลค่าขึ้น ยอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น  กิจการเติบโตอย่างรวดเร็วอันเป็นผลมาจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ ส่งเสริมและพัฒนาพัฒนาในด้านธุรกิจของตนเอง และเชื่อว่าในอนาคตหากนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้กับกิจการในทุกระดับ ทุกประเภทสินค้าเชื่อว่าธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศคงเติบโตและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดรายได้ต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล


แหล่งที่มา: ปรารถนา ฉายประเสริฐ.  (2555)ขายข้าวแกงออนไลน์.  สืบคนเมื่อ 8 สิงหาคม 2555, 
                         จาก http://www.dailynews.co.th/technology/147423     


วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"ความทรงจำอันเลวร้ายของเด็กหญิงกับ เลข 5"



จะให้ฉันไว้ใจเธอได้อย่างไร!!!..... ในเมื่อสิ่งที่ฉันเห็นไม่ได้มาจากใจเธอ!!


http://www.edba.in.th/EDBA_Main/index.php?option=com_content&view=article&id=158



               ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของเราในหลายๆด้าน เพื่อการติดต่อสื่อสาร การค้าและธุรกิจ รวมถึงอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ จึงทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับความนิยมนำมาใช้ประโยชน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีการเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วแต่สิ่งหนึ่งที่สวนทางกับการเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีคือ.... ตัวผู้ใช้เทคโนโลยีเองที่กลับพยายามนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้ในทางที่ผิด เพื่อผลประโยชน์ในด้านที่ตนเองต้องการโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ผลกระทบหรือสิ่งที่จะตามมาจากการกระทำของตน ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีดังที่สะท้อนเรื่องราวดังต่อไปนี้

ตำรวจตามรวบทันควันหนุ่มโรงงานวัย 21 ปี ลวงเด็กสาว 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ไปข่มขืนที่ห้องพัก หลังรู้จักพูดคุยผ่านเอ็มเอสเอ็นได้เพียง 5 วัน เหตุเกิดจากแม่ของ ด.ญ.จอย (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.อ.เมืองชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายอภิวุฒิ ในข้อหาล่อลวงบุตรสาวไปข่มขืน หลังจากรู้จักกันผ่านอินเอร์เน็ตได้เพียง 5 วัน  โดย ด.ญ.จอยผู้เสียหาย ได้เปิดเผยว่า เล่นอินเทอร์เน็ตในห้องสนทนาเอ็มเอสเอ็น(MSN) และได้รู้จักกับนายอภิวุฒิ และมีการติดต่อกันทุกวัน กระทั่งนายอภิวุฒินัดให้ออกมาพบที่ห้างสรรพสินค้าเฉลิมไทย อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักชวนให้ไปที่ห้องพักของนายอภิวุฒิ ชื่อ ปรินดาแมนชั่น อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยไม่ทันไม่คิดอะไร เพราะเห็นนายอภิวุฒิเป็นคนสุภาพและพูดจาดีจึงหลงเชื่อ



ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น. วันเดียวกัน นายอภิวุฒิขอตัวออกไปทำงาน และบอกให้ตนคอยอยู่ที่ห้อง กระทั่งเวลา 16.30 น. นายอภิวุฒิก็กลับเข้าห้องพัก หลังจากนั้นนายอภิวุฒิก็ได้พยายามข่มขืนตน แต่ตนขัดขืนจึงไม่สามารถสำเร็จความใคร่ได้ นายอภิวุฒิจึงสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง จากนั้นนายอภิวุฒิก็พาตนไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าเฉลิมไทย เมื่อกลับถึงบ้าน ด.ญ.จอยจึงนำเรื่องทั้งหมดมาเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟัง แม่ของ ด.ญ.จอยจึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ


                 จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนให้เราได้เห็นแล้วว่า "เทคโนโลยีสารสนเทศนั้นแท้จริงแล้วเปรียบเสมือนดาบสองคม" ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์และช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในด้านต่างๆมากเท่าใดแต่ในทางกลับกันหากตัวผู้ใช้นำมาใช้ในทางที่ผิด นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้อื่น นำมาใช้อย่างไม่มีจริยธรรม ไม่คิดถึงผลกระทบหรือผลที่ตามมาของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ความสูญเสีย และความไม่ปลอดภัยต่อผู้อื่น ดังนั้นในการจะนำเทคโนโลยีมาใช้เราต้องนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง ใช้อย่างมีสติยั้งคิดถึงผลกระทบ คำนึงถึงจริยธรรมในการใช้ เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง และสังคม และต้องรู้จักระมัดระวังตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง อย่าไว้ใจหลงเชื่อคนง่ายเพราะใน”โลกออนไลน์เราเห็นเพียงสิ่งที่เขาแสดงออกมา........ แต่เราไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วในใจเขาเป็นอย่างไร”

แหล่งที่มา: http://www.backtohome.org/autopagev4/show_page.php?topic_id=122&auto_id=3&TopicPk=

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ก้าวที่ฉันเดินผ่านมา เต็มไปด้วยคุณค่า และความทรงจำ"



สวัสดีครับ ผมชื่อ นาวี    ยืนนาน ทุกคนที่บ้านหรือคนที่สนิทมากๆเรียกกันว่า เบียร์ สังเกตไหมครับผมเป็นคนที่ชื่อและนามสกุลสั้นมากเพียงแค่ 4 คำเอง ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่ผมรู้จักมักเรียกแต่ชื่อจริงของผมมากกว่าชื่อเล่นของผมซะอีกเพราะมันอาจจะเรียกง่ายและจำได้ง่าย ถึงแม้ว่าชื่อผมจะสั้นแต่ผมภูมิใจในชื่อนี้นะครับ เพราะแม่ผมเล่าให้ฟังว่าเป็นชื่อที่เกิดจากความตั้งใจของแม่ว่า ถ้าหากมีลูกผู้ชายจะตั้งชื่อ ว่า นาวี ซึ่งมีความหมายว่า “เรือ,กองทัพเรือ” เห็นไหมครับสั้นๆแต่ความหมายยิ่งใหญ่มาก (อิอิ) และยิ่งไปกว่านั้น นามสกุลของผมไม่ว่าใครก็ตามที่อ่านนามสกุลของผมมักจะเงยหน้าขึ้นมามองที่ผมและถามว่า “เมื่อยไหม?” คำถามนี้เจอบ่อยมาก และผมก็จะตอบว่า"ไม่เมื่อยครับ"แล้วก็หัวเรอะ(เหอๆอีกละ)     ผมเกิดวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2534 ซึ่งตรงกับวันสุนทรภู่ ปัจจุบันคือวันต่อต้านยาเสพติด   ผมเป็นชาวอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด เชื้อชาติและสัญชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ แต่ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดใกล้เคียงกันที่ 48/62 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม    ครอบครัวของผมประกอบไปด้วย พ่อ แม่  พี่ และตัวผมเอง  ผมเป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัวและมีพี่สาว 1 คน 


ผมจบจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนบ้านกระทุ่มล้มซึ่งอยู่ใกล้บ้าน แล้วมาต่อจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสาย วิทย์-คณิต ที่ โรงเรียนปัญญาวรคุณ ซึ่งมัธยมศึกษาตอนปลายนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มโตขึ้นเพราะต้องดูตัวเองในหลายๆเรื่องเช่น การเดินทางมาโรงเรียนซึ่งอยู่ไกลจากบ้านต้องรู้จักการจัดการตัวเองเรื่องเวลา และเรื่องเงินที่ใช้ในการมาเรียนซึ่งแม่ของผมให้เป็นสัปดาห์ทำให้ผมรู้จักการจัดการเงินของตัวเองช่วงใกล้จบ ม.6 เป็นช่วงที่ผมเครียดมากเพราะเป็นช่วงที่ผมต้องรู้ทิศทางของอนาคตตัวเอง ผมมีความใฝ่ฝันที่อยากจะประกอบอาชีพครู เพราะอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นแบบอย่างอย่างและที่สำคัญเป็นผู้ปลูกฝังและชี้นำทางความคิดรวมถึงจิตวิญญาณ และเมื่อวันประกาศผลแอดมิชชันมาถึง ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจมากมากที่ผมสามารถทำตามความฝันของตนเองได้สำเร็จ คือ ติดที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป(กศ.บ.) ซึ่งเป็นหลักสูตรครู ซึ่งปัจจุบันผมกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ที่นี่ทำให้ผมได้เรียนรู้ในหลายๆอย่าง เช่นความรักความสามัคคีระหว่างเพื่อน ความรักในสถาบันและที่สำคัญ รู้จักการจัดการ การดูแลตัวเองโดยไม่มีพ่อแม่ดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนตอนเด็กๆ


ด้วยความที่ผมเรียนวิทยาศาสร์ทำให้ผมมักมีลักษณะนิสัยและความคิดที่มักประกอบไปด้วยเหตุและผล ตรงไปตรงมา รักความถูกต้องและความยุติธรรม (มากกกก) สดใสร่าเริง ชอบพูดชอบคุยโดยเฉพาะคนที่รู้จักกันอย่างใกล้ชิดจะรู้ว่ามีเรื่องเล่าและเรื่องพูดตลอดเวลา เป็นคนอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก เจ้าระเบียบในบางเรื่อง จิงจังกับชีวิตในบางครั้ง(คริ คริ) งานอดิเรกและความสามารถพิเศษ ชอบเล่นกีฬาวอลเลย์บอล (มากกกกกๆๆๆ)เห็นเป็นไม่ได้วิญญาณนักวอลเลย์จะมาสิงร่าง (ฮ่าๆๆ)  ซึ่งเล่นมานานมากแล้วตั้งแต่ ป.2  และผ่านมาแล้วหลายสนามแข่งขัน ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ในสนาม และนักกีฬาวอลเลย์บอลที่ผมชอบ คือ  พี่ปลื้มจิตร์ ถินขาว เวลาที่มีการถ่ายทอดทางทีวีมักจะนึกว่าตัวเองอยู่ในสนามการแข่งขันด้วยเสมอ  ^_^




ผมชอบและสนใจในงานทางด้านดนตรี การแสดง และความงามของศิลปะไทย (เน้นว่า "ไทย") เพราะผมคิดว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนและเอกลักษณ์ของประเทศไทยเราได้อย่างชัดเจน และควรมีการสืบทอดต่อไปและหนึ่งในผู้สืบทอดนั้นก็มีผมอยู่ด้วย  ผมชอบในบทเพลงลูกทุ่ง  และชอบดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับเพลงลูกทุ่งหรือศิลปะการแสดงพื้นบ้าน โดยเฉพาะรายการชิงช้าสวรรค์(ชอบเป็นพิเศษ)  รายการคุณพระช่วย ฯลฯ  นักร้องลูกทุ่งที่ชื่นชอบคือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งถึงแม้จะจากไปแล้วแต่ยังได้รับการจดจำผ่านบทเพลงมาจนถึงปัจจุบัน




สิ่งที่ภาคภูมิใจคือ การทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ การทำความหวังของพ่อแม่ให้ประสบความสำเร็จ 
คติประจำใจ คือ สิ่งที่เดินผ่านมาแล้วก้าวผ่านมาแล้วทุกสิ่งล้วนกลายเป็นอดีตซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร จะดีหรือไม่ดีเราไม่สามารถแก้ไขมันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับจากอดีตคือความทรงจำที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และสามารถนำไปใช้พัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคตได้

"อะไรที่ตัดสินใจไปแล้ว 
 จงยอมรับผลของการตัดสินใจนั้น
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
เพราะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว   
 แต่สามารถเรียนรู้จากมันได้......."



การติดต่อ
E-mail : nawee22222@hotmail.com
Facebook : www.facebook.com/rainy.real