วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

พุทธมณฑลคู่ธานี ศรีนครปฐม


"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน 
   สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า"


สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ วันนี้ผมจะพาทุกคนไปพบกับแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งมิได้เป็นเพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้นแต่สถานที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาทางพระพุทธศาสนา รวมไปถึงเป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ สัตว์นานาชนิด  แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ใกล้บ้านผมมาก มากขนาดเดินไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว และแหล่งเรียนรู้ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือคือ “พุทธมณฑล” นั่นเองครับ ^^  ไม่รอช้า....เราไปทำความรู้จักสถานที่แห่งนี้กันเลยดีกว่าครับ 


ประวัติและความเป็นมา

ในปี พ.ศ. 2495 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ดำริจัดสร้างปูชนียสถานเพื่อเป็นพุทธบูชาและเป็นพุทธานุสรณียสถาน เนื่องในวโรกาสมหามงคลกาลที่พระพุทธศักราชเวียนมาบรรจบครบรอบ 2,500 ปี ซึ่งครบในวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ. 2500 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 รัฐบาลจึงได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงประกอบรัฐพิธีก่อฤกษ์พุทธมณฑล ณ บริเวณที่จะก่อสร้างพระพุทธรูปประธานพุทธมณฑล ณ สถานที่ซึ่งต่อมาเป็น อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม (เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอนครชัยศรีและต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอพุทธมณฑลตามลำดับ) การก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย แต่การจัดสร้างได้ชะลอตัวลงไประยะหนึ่งด้วยปัญหาด้านงบประมาณ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 รัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันท์ ได้รื้อฟื้นโครงการขึ้นและถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการก่อสร้างอีกครั้งหนึ่ง และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนงานจัดสร้างพุทธมณฑลจากกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการโดยกรมการศาสนาเป็นเจ้าของเรื่องใช้เงินงบประมาณของรัฐและการบริจาคของประชาชน อีกทั้งการจัดสร้างพุทธมณฑลได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้งานก่อสร้างพุทธมณฑลได้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำให้การก่อสร้างได้สำเร็จก้าวหน้าไปอย่างมาก   การก่อสร้างพุทธมณฑลได้ดำเนินการมาแล้วเสร็จสมบูรณ์ในสมัยที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อสร้างองค์ "พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" สำเร็จ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประกอบพิธีสมโภช เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2525 และหลังจากนั้นก็ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมถาวรวัตถุต่าง ๆ ในพุทธมณฑลมาโดยตลอดเช่น มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน และ หอประชุม เป็นต้น

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง

เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าด้านพระพุทธศาสนา
เพื่อเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป
เพื่อเป็นสำนักงานกลางการบริหารงานของคณะสงฆ์แห่งประเทศไทย
เพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา


ปัจจุบันพุทธมณฑล  ตั้งอยู่ที่   หมู่ 6ถนนอุทยาน ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่  จุดเด่นของพุทธมณฑลคือ บริเวณจุดศูนย์กลางของพุทธมณฑลเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ ทำด้วยโลหะสำริด มีความสูง 2,500 กระเบียด (ประมาณ 15.875 เมตร) ซึ่งเป็นพระประธานของพุทธมณฑล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามว่า "พระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" เมื่อเรามองจากด้านนอกจะเห็นเด่นเป็นสง่ามากซึ่งถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นสถานที่แห่งนี้เลยก็ว่าได้ และนอกจากนี้บริเวณรอบประประธานยังมีสถานที่สำคัญทางบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอื่นๆอีกมากมาย เช่น


"สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล"  ซึ่งหาไม่ยากเพราะมีป้ายนำตลอดทุกเส้นทาง
“ตำบลประสูติ" ประดิษฐานหินรูปดอกบัว ๗ ดอก แกะสลักหินเป็นรูปดอกบัวกำลังแย้มบาน ช่วงบนแกะสลักลายนูนรูปพระพุทธบาท กลางฝ่าพระบาทสลักชื่อแคว้นต่างๆ ๗ แคว้น ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมคำสั่งสอน รวม ๗ แคว้นคือ กาสี-โกศล, มคธ-อังคะ, สักกะ วัชชี, มัลละ, วังสะ, กุรุ
"ตำบลตรัสรู้" ประดิษฐานหินรูปโพธิบัลลังก์ ช่วงบนแกะสลักนูนเป็นลายบัวคว่ำและบัวหงาย มีรัศมีล้อมรอบช่วงล่าง
"ตำบลปฐมเทศนา" ประดิษฐานหินเป็นรูปธรรมจักร และรูปแท่นที่นั่งของปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕
"ตำบลปรินิพพาน" ประดิษฐานหินสัญลักษณ์ รูปแท่นไสยาสน์ ทุกตำบลมีพื้นที่ ๕๐ ไร่ อยู่ท่ามกลางสนามหญ้า สวนไม้ดอก ไม้ประดับที่งดงาม


มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
สถาปัตยกรรมไทยรูปทรงจตุรมุข มีพระเจดีย์ ๙ ยอด ประดิษฐานในย่านกลาง และเป็นที่จารึกพระไตรปิฎกหินอ่อน ขนาด ๑.๑๐ x ๒.๐๐ เมตร จำนวน ๑,๔๑๘ แผ่น มีภาพวาดพระพุทธประวัติอยู่ด้านบนโดยรอบ ทำให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้เกี่ยวกับพระไตรปิฎกซึ่งรวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า รวมถึงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าผ่านภาพวาด



หอสมุดแห่งพระพุทธศาสนา
 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานนามว่า "หอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ" ห้องสมุดนี้ใหญ่โตมาก ห้องอ่านหนังสือจุถึง ๕๐๐ คน มีหนังสือประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ เล่ม เก็บหนังสือบนเพดานได้อีก หนึ่งล้านเล่ม วัดปากน้ำและสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ บริจาคเงินค่าก่อสร้าง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่เจริญพระชนมายุ ๕ รอบ
นอกจากนี้ยังมีศาสนสถานที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ พระวิหารพุทธมณฑล ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และที่พำนักสงฆ์อาคันตุกะ หอประชุมทางกิจการพระพุทธศาสนา ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน  พิพิธภัณฑ์ทางพุทธศาสนา สวนไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ และในปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนา อาทิ วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น



และนอกจากสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยความรู้ เรื่องราวความสำคัญทางพระพุทธศาสนาแล้ว  พื้นที่ทั้งหมดยังเต็มไปด้วยความสวยงามจากพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์ มีสัตว์น้อย ใหญ่ หลายชนิดมาเกาะอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น "สวนเวฬุวัน" คือสวนไผ่ มีต้นไผ่ประมาณ ๑๐๐ ชนิด  "สวนอัมพวัน" คือสวนมะม่วงเช่นกัน มีมะม่วงพันธุ์ต่างๆ เกือบร้อยชนิด   สวนธรรม คือสวนกระถินณรงค์   สวนไทร มีเนื้อที่น้อยกว่าสวนอื่นคือมี ๕ ไร่ แต่ก็สวยและร่มรื่น  สวนลัฏฐิวัน คือ สวนตาล อยู่ตรงตำบล ปรินิพพาน  สวนสมุนไพร มีสมุนไพรอยู่ประมาณ ๒๑๑ ชนิด ได้จัดเป็นโครงการนำร่อง เพื่อส่งเสริมให้วัดทั่วประเทศปลูกสมุนไพรในวัด มีที่จำหน่ายสมุนไพร เสียดายวันที่ไปยังไม่มีโอกาสไปชมและอุดหนุน

 ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและสมดุลของระบบนิเวศ  และยังเป็นสถานที่ ที่มีความร่มรื่น เหมาะแก่การพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อยใจ...... ว่างๆก็เชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านพาครอบครัวมาเที่ยวพุทธมณฑลกันเยอะๆนะครับ เพราะนอกจากจะได้พักผ่อน หย่อนใจแล้ว >>> แถมยังได้รับความรู้มากมายเป็นของฝากกลับไปด้วยนะครับ  ^_^



บูรณาการแหล่งการเรียนรู้กับการเรียนการสอนในชั้นเรียน


การเรียนรู้ในด้านความรู้

วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม : คือการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา เช่น สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาจากสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล เรียน รู้คำสั่งสอนและพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าจากมหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน และความรู้ต่างๆทางพระพุทธศาสนา จากการอ่านหนังสือที่หอสมุดแห่งพระพุทธศาสนา และยังมีความรู้ในด้าน ทำเล ที่ตั้ง ซึ่งมีความเหมาะสมตามสภาพภูมิศาสตร์ และยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องราวความเป็นมาของพุทธมณฑล ซึ่งมีอายุยาวนานหลายยุคสมัย
วิชาวิทยาศาสตร์ : คือการได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ  พันธุ์ไม้ต่างๆหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ไม้ที่มีสรรพคุณทางยารักษาโรค ซึ่งแต่ละต้นจะมีป้ายชื่อติดไว้ทุกต้นทำให้สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ การเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง รวมถึงได้ทราบสรรพคุณเฉพาะของต้นไม้แต่ละต้นด้วย และนอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ความสมดุลและความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
วิชาศิลปะ : ต้นไม้ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ สถาปัตยกรรม รูปปั้น อาคารสถานที่ รวมถึง ทัศนียภาพทิวทัศน์ต่างๆ ทั้งมุมมองจากภายใน และภายนอก สามารถเป็นแบบและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะ เช่น การวาดภาพ รวมถึง การถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี

การเรียนรู้ในด้านเจตคติ

ปลูกฝังให้เกิดความตระหนึกและเห็นความสำคัญทางพระพุทธศาสนา  การท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์เห็นคุณค่าของของสถานที่ โดยร่วมกันรักษาให้คงอยู่ต่อไป ไม่ทำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถานที่ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการปลูกจิตสำนึกที่ดีต่อการร่วมกันอนุรักษ์ทัศนียภาพความสมบูรณ์สวยงามของระบบนิเวศ ทั้งพืชและสัตว์

 การเรียนรู้ในกระบวนการต่างๆ

เกิดทักษะการเรียนรู้ และแสวงหาความรู้จากความรู้ในสถานที่แห่งนี้ทั้งทางพระพุทธศาสนาและระบบนิเวศ
เกิดทักษะการสังเกต คือ การสังเกตป้าย หรือเพดานวิหาร ที่มีความรู้ต่างๆบอกไว้ เช่นป้ายที่ติดที่ต้นไม้ทุกต้นที่บอกชื่อและสรรพคุณของต้นนั้นๆ
เกิดทักษะการอยู่ร่วมกัน คือการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต คือนักท่องเที่ยวด้วยกันที่อาจมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกัน หรือนักท่องเที่ยวกับวิทยากรและการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม คือ การไม่ทำลายระบบนิเวศที่สมดุลของสถานที่เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมาก



การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ สามารถเข้าถึงได้หลายเส้นทาง คือเดินทางไปตามถนนเพชรเกษมถึงประมาณกิโลเมตรที่ 22 เลี้ยวขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ประมาณ 8 กิโลเมตร หรือเดินทางไปตามถนนสายปิ่นเกล้า-นครชัยศรี แล้วแยกเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ไปเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสมารถเดินทางโดยใช้ถนนพุมธมณฑลสาย 3แยกเข้าสู่ถนนอุทยาน(อักษะ)เพื่อมุ่งเข้าสู่พุทธมณฑลได้ ถนนอุทยาน(อักษะ)เป็นถนนที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแนวเสาไฟประดับรูปกินรี น้ำพุและไม้ประดับต่างๆซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงาม


ที่มา: นาวี ยืนนาน




แหล่งอ้างอิง : พุทธมณฑล.  สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2555, จาก     http://www.dhammathai.org/buddhamonthon/buddhamonthon.php











วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข้าวแกงออนไลน์ ทางเลือกแนวใหม่การค้าโลกไซเบอร์


"ข้าวแกงอย่างฉัน....ก็สามารถโดดเด่น....เป็นดาวบนโลกออนไลน์ได้เหมือนกัน!!!





ทุกวันนี้เทคโนโลยีสารสนเทศ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์  เช่น เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ รวมถึงทำให้สิ่งต่างๆง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีสารสนเทศยังมีส่วนในการพัฒนาในด้านต่างๆอีกมากมาย เช่น ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการแพทย์  ด้านการคมนาคมขนส่ง ด้านความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิต รวมไปถึงด้านธุรกิจและการค้าก็เช่นกัน เมื่อได้มีผู้คิดนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ในการส่งเสริมการค้าขายและเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้าในระดับปากท้องซึ่งถือได้ว่าอยู่ใกล้ตัวเรามาก เห็นกันอยู่ทุกวันจนเราคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียวนั่นคือ “การขายข้าวแกงออนไลน์”

ร้านข้าวแกงเขาพัฒนาไปขนาดนี้แล้วหรอ???!!

            ร้านข้าวแกงออนไลน์ที่ว่านี้เกิดจากแนวคิดของคุณเจษฎา เงางามดี หนุ่มรุ่นใหม่ที่สนใจและติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีมาโดยตลอด ซึ่งแต่เดิมคือ “ร้านข้าวแกงป้าเหลา”  ซึ่งเป็นคุณยายของภรรยาคุณเจษฎา แล้วสืบต่อมาถึงคุณแม่ภรรยาคุณเจษฎา ขายกันมานานกว่า 40 ปี เมื่อคุณเจษฎา เข้ามาเป็นลูกเขยของบ้านนี้ จึงพัฒนาไปอีกขั้นผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศโดยการจับข้าวแกงในร้านมาขายบนอินเทอร์เน็ต!!!!!โดยเขาได้เข้าร่วมโครงการโกออนไลน์ (Go online) ของกูเกิล(Google)และพันธมิตร เข้าไปหาค้นหาข้อมูล เข้าร่วมโครงการ ฝึกปรือฝีมือจนกระทั่งจดโดเมนเนมเปิดร้านข้าวแกงออนไลน์  www.mymommade.in.th ได้ในที่สุด  โดยเปิดบริการรับทำข้าวกล่อง อาหารสำหรับงานเลี้ยง งานสังสรรค์ งานประชุม สัมมนา และงานพิธีต่างๆผ่านเวปไซต์ ซึ่งจะบริการส่งถึงที่



หลังจากสร้างแบรนด์ได้ระดับหนึ่งบนเครือข่ายออนไลน์ ก็ได้ลูกค้ารายแรกคือ โรงเรียนมาแตร์เดอี ซึ่งสั่งข้าวกล่องไปรับประทานในงานประชุมของสมาคมผู้ปกครองนักเรียน หลังจากนั้นก็มีลูกค้ามาเรื่อย ๆ เป็นแบบปากต่อปาก ลูกค้าที่ได้จากเว็บไซต์จะเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทุกครั้งที่ลูกค้าติดต่อสั่งอาหารกล่องผ่านทางเว็บไซต์ ทางร้านจะเชิญให้มาชิมก่อนสั่ง โดยจะทำเมนูต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องการให้ชิมก่อนตัดสินใจเลือก  จนถึงขณะนี้ ร้านข้าวแกงป้าเหลามีลูกค้าออนไลน์ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นทำให้มียอดการสั่งซื้ออาหารกล่องเป็นประจำกันทุกวัน รายได้ของครอบครัวก็เพิ่มมากขึ้นตลอดจนกิจการของครอบครัวก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

                       http://www.youtube.com/watch?v=4eqtsgIkFBs

เหลือเชื่อกันไหมหล่ะครับ!! ใครจะคาดคิดว่าข้าวแกงที่เราเห็นอยู่ทุกวันที่ขายอยู่ทั่วไปใกล้ๆบ้านคุณ บัดนี้จะโกอินเตอร์ไปอยู่บนเวปไซต์ อยู่บนโลกสังคมออนไลน์ได้เช่นเดียวกับ ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ หรือแม้แต่สินค้าแบรนด์แนมที่มีราคาแพงๆ ซึ่งสะท้อนให้เราได้เห็นว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการด้านธุรกิจตั้งแต่ในระดับปากท้องซึ่งใกล้ตัวพวกเรามากอย่าง ข้าวแกง โดยอาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการแนะนำร้านให้คนบนโลกไซเบอร์ได้รู้จักกันร้านอย่างแพร่หลาย และเพิ่มความหลากหลายและความสะดวกสบายในการเลือกซื้อให้กับลูกค้า ทำให้ข้าวแกงธรรมดาๆจานหนึ่งมีมูลค่าขึ้น ยอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น  กิจการเติบโตอย่างรวดเร็วอันเป็นผลมาจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ ส่งเสริมและพัฒนาพัฒนาในด้านธุรกิจของตนเอง และเชื่อว่าในอนาคตหากนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้กับกิจการในทุกระดับ ทุกประเภทสินค้าเชื่อว่าธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศคงเติบโตและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดรายได้ต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล


แหล่งที่มา: ปรารถนา ฉายประเสริฐ.  (2555)ขายข้าวแกงออนไลน์.  สืบคนเมื่อ 8 สิงหาคม 2555, 
                         จาก http://www.dailynews.co.th/technology/147423     


วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"ความทรงจำอันเลวร้ายของเด็กหญิงกับ เลข 5"



จะให้ฉันไว้ใจเธอได้อย่างไร!!!..... ในเมื่อสิ่งที่ฉันเห็นไม่ได้มาจากใจเธอ!!


http://www.edba.in.th/EDBA_Main/index.php?option=com_content&view=article&id=158



               ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของเราในหลายๆด้าน เพื่อการติดต่อสื่อสาร การค้าและธุรกิจ รวมถึงอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ จึงทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับความนิยมนำมาใช้ประโยชน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีการเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วแต่สิ่งหนึ่งที่สวนทางกับการเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีคือ.... ตัวผู้ใช้เทคโนโลยีเองที่กลับพยายามนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้ในทางที่ผิด เพื่อผลประโยชน์ในด้านที่ตนเองต้องการโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ผลกระทบหรือสิ่งที่จะตามมาจากการกระทำของตน ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีดังที่สะท้อนเรื่องราวดังต่อไปนี้

ตำรวจตามรวบทันควันหนุ่มโรงงานวัย 21 ปี ลวงเด็กสาว 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ไปข่มขืนที่ห้องพัก หลังรู้จักพูดคุยผ่านเอ็มเอสเอ็นได้เพียง 5 วัน เหตุเกิดจากแม่ของ ด.ญ.จอย (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.อ.เมืองชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายอภิวุฒิ ในข้อหาล่อลวงบุตรสาวไปข่มขืน หลังจากรู้จักกันผ่านอินเอร์เน็ตได้เพียง 5 วัน  โดย ด.ญ.จอยผู้เสียหาย ได้เปิดเผยว่า เล่นอินเทอร์เน็ตในห้องสนทนาเอ็มเอสเอ็น(MSN) และได้รู้จักกับนายอภิวุฒิ และมีการติดต่อกันทุกวัน กระทั่งนายอภิวุฒินัดให้ออกมาพบที่ห้างสรรพสินค้าเฉลิมไทย อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักชวนให้ไปที่ห้องพักของนายอภิวุฒิ ชื่อ ปรินดาแมนชั่น อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยไม่ทันไม่คิดอะไร เพราะเห็นนายอภิวุฒิเป็นคนสุภาพและพูดจาดีจึงหลงเชื่อ



ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น. วันเดียวกัน นายอภิวุฒิขอตัวออกไปทำงาน และบอกให้ตนคอยอยู่ที่ห้อง กระทั่งเวลา 16.30 น. นายอภิวุฒิก็กลับเข้าห้องพัก หลังจากนั้นนายอภิวุฒิก็ได้พยายามข่มขืนตน แต่ตนขัดขืนจึงไม่สามารถสำเร็จความใคร่ได้ นายอภิวุฒิจึงสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง จากนั้นนายอภิวุฒิก็พาตนไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าเฉลิมไทย เมื่อกลับถึงบ้าน ด.ญ.จอยจึงนำเรื่องทั้งหมดมาเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟัง แม่ของ ด.ญ.จอยจึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ


                 จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนให้เราได้เห็นแล้วว่า "เทคโนโลยีสารสนเทศนั้นแท้จริงแล้วเปรียบเสมือนดาบสองคม" ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์และช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในด้านต่างๆมากเท่าใดแต่ในทางกลับกันหากตัวผู้ใช้นำมาใช้ในทางที่ผิด นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้อื่น นำมาใช้อย่างไม่มีจริยธรรม ไม่คิดถึงผลกระทบหรือผลที่ตามมาของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ความสูญเสีย และความไม่ปลอดภัยต่อผู้อื่น ดังนั้นในการจะนำเทคโนโลยีมาใช้เราต้องนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง ใช้อย่างมีสติยั้งคิดถึงผลกระทบ คำนึงถึงจริยธรรมในการใช้ เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง และสังคม และต้องรู้จักระมัดระวังตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง อย่าไว้ใจหลงเชื่อคนง่ายเพราะใน”โลกออนไลน์เราเห็นเพียงสิ่งที่เขาแสดงออกมา........ แต่เราไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วในใจเขาเป็นอย่างไร”

แหล่งที่มา: http://www.backtohome.org/autopagev4/show_page.php?topic_id=122&auto_id=3&TopicPk=

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ก้าวที่ฉันเดินผ่านมา เต็มไปด้วยคุณค่า และความทรงจำ"



สวัสดีครับ ผมชื่อ นาวี    ยืนนาน ทุกคนที่บ้านหรือคนที่สนิทมากๆเรียกกันว่า เบียร์ สังเกตไหมครับผมเป็นคนที่ชื่อและนามสกุลสั้นมากเพียงแค่ 4 คำเอง ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่ผมรู้จักมักเรียกแต่ชื่อจริงของผมมากกว่าชื่อเล่นของผมซะอีกเพราะมันอาจจะเรียกง่ายและจำได้ง่าย ถึงแม้ว่าชื่อผมจะสั้นแต่ผมภูมิใจในชื่อนี้นะครับ เพราะแม่ผมเล่าให้ฟังว่าเป็นชื่อที่เกิดจากความตั้งใจของแม่ว่า ถ้าหากมีลูกผู้ชายจะตั้งชื่อ ว่า นาวี ซึ่งมีความหมายว่า “เรือ,กองทัพเรือ” เห็นไหมครับสั้นๆแต่ความหมายยิ่งใหญ่มาก (อิอิ) และยิ่งไปกว่านั้น นามสกุลของผมไม่ว่าใครก็ตามที่อ่านนามสกุลของผมมักจะเงยหน้าขึ้นมามองที่ผมและถามว่า “เมื่อยไหม?” คำถามนี้เจอบ่อยมาก และผมก็จะตอบว่า"ไม่เมื่อยครับ"แล้วก็หัวเรอะ(เหอๆอีกละ)     ผมเกิดวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2534 ซึ่งตรงกับวันสุนทรภู่ ปัจจุบันคือวันต่อต้านยาเสพติด   ผมเป็นชาวอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด เชื้อชาติและสัญชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ แต่ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดใกล้เคียงกันที่ 48/62 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม    ครอบครัวของผมประกอบไปด้วย พ่อ แม่  พี่ และตัวผมเอง  ผมเป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัวและมีพี่สาว 1 คน 


ผมจบจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนบ้านกระทุ่มล้มซึ่งอยู่ใกล้บ้าน แล้วมาต่อจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสาย วิทย์-คณิต ที่ โรงเรียนปัญญาวรคุณ ซึ่งมัธยมศึกษาตอนปลายนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มโตขึ้นเพราะต้องดูตัวเองในหลายๆเรื่องเช่น การเดินทางมาโรงเรียนซึ่งอยู่ไกลจากบ้านต้องรู้จักการจัดการตัวเองเรื่องเวลา และเรื่องเงินที่ใช้ในการมาเรียนซึ่งแม่ของผมให้เป็นสัปดาห์ทำให้ผมรู้จักการจัดการเงินของตัวเองช่วงใกล้จบ ม.6 เป็นช่วงที่ผมเครียดมากเพราะเป็นช่วงที่ผมต้องรู้ทิศทางของอนาคตตัวเอง ผมมีความใฝ่ฝันที่อยากจะประกอบอาชีพครู เพราะอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นแบบอย่างอย่างและที่สำคัญเป็นผู้ปลูกฝังและชี้นำทางความคิดรวมถึงจิตวิญญาณ และเมื่อวันประกาศผลแอดมิชชันมาถึง ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจมากมากที่ผมสามารถทำตามความฝันของตนเองได้สำเร็จ คือ ติดที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป(กศ.บ.) ซึ่งเป็นหลักสูตรครู ซึ่งปัจจุบันผมกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ที่นี่ทำให้ผมได้เรียนรู้ในหลายๆอย่าง เช่นความรักความสามัคคีระหว่างเพื่อน ความรักในสถาบันและที่สำคัญ รู้จักการจัดการ การดูแลตัวเองโดยไม่มีพ่อแม่ดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนตอนเด็กๆ


ด้วยความที่ผมเรียนวิทยาศาสร์ทำให้ผมมักมีลักษณะนิสัยและความคิดที่มักประกอบไปด้วยเหตุและผล ตรงไปตรงมา รักความถูกต้องและความยุติธรรม (มากกกก) สดใสร่าเริง ชอบพูดชอบคุยโดยเฉพาะคนที่รู้จักกันอย่างใกล้ชิดจะรู้ว่ามีเรื่องเล่าและเรื่องพูดตลอดเวลา เป็นคนอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก เจ้าระเบียบในบางเรื่อง จิงจังกับชีวิตในบางครั้ง(คริ คริ) งานอดิเรกและความสามารถพิเศษ ชอบเล่นกีฬาวอลเลย์บอล (มากกกกกๆๆๆ)เห็นเป็นไม่ได้วิญญาณนักวอลเลย์จะมาสิงร่าง (ฮ่าๆๆ)  ซึ่งเล่นมานานมากแล้วตั้งแต่ ป.2  และผ่านมาแล้วหลายสนามแข่งขัน ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ในสนาม และนักกีฬาวอลเลย์บอลที่ผมชอบ คือ  พี่ปลื้มจิตร์ ถินขาว เวลาที่มีการถ่ายทอดทางทีวีมักจะนึกว่าตัวเองอยู่ในสนามการแข่งขันด้วยเสมอ  ^_^




ผมชอบและสนใจในงานทางด้านดนตรี การแสดง และความงามของศิลปะไทย (เน้นว่า "ไทย") เพราะผมคิดว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนและเอกลักษณ์ของประเทศไทยเราได้อย่างชัดเจน และควรมีการสืบทอดต่อไปและหนึ่งในผู้สืบทอดนั้นก็มีผมอยู่ด้วย  ผมชอบในบทเพลงลูกทุ่ง  และชอบดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับเพลงลูกทุ่งหรือศิลปะการแสดงพื้นบ้าน โดยเฉพาะรายการชิงช้าสวรรค์(ชอบเป็นพิเศษ)  รายการคุณพระช่วย ฯลฯ  นักร้องลูกทุ่งที่ชื่นชอบคือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งถึงแม้จะจากไปแล้วแต่ยังได้รับการจดจำผ่านบทเพลงมาจนถึงปัจจุบัน




สิ่งที่ภาคภูมิใจคือ การทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ การทำความหวังของพ่อแม่ให้ประสบความสำเร็จ 
คติประจำใจ คือ สิ่งที่เดินผ่านมาแล้วก้าวผ่านมาแล้วทุกสิ่งล้วนกลายเป็นอดีตซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร จะดีหรือไม่ดีเราไม่สามารถแก้ไขมันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับจากอดีตคือความทรงจำที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และสามารถนำไปใช้พัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคตได้

"อะไรที่ตัดสินใจไปแล้ว 
 จงยอมรับผลของการตัดสินใจนั้น
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
เพราะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว   
 แต่สามารถเรียนรู้จากมันได้......."



การติดต่อ
E-mail : nawee22222@hotmail.com
Facebook : www.facebook.com/rainy.real